ฉีดวัคซีนฟรี
MED4U

อาการแสบร้อนกลางอก

585 จำนวนผู้เข้าชม |

08/12/2023


อาการแสบร้อนกลางอก (Heartburn)

คืออาการที่ผู้ป่วยรู้สึกแสบร้อนหรือจุกเสียดแน่น บริเวณช่องท้องส่วนบน (ลิ้นปี) ซึ่งลามขึ้นไปถึงกึ่งกลางหน้าอกด้านหลังกระดูกอก (breast bone) และบางครั้งก็ขึ้นไปถึงลำคอ อาการดังกล่าวไม่ใช่อาการของโรคหัวใจ แต่เป็นอาการจากความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารสาเหตุของอาการนี้มาจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหารปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดอาการนี้ ได้แก่ การรับประทานอาหารอย่างไม่ถูกต้อง (รับประทานอาหารอย่างรีบเร่งไม่เคี้ยวอาหารให้ละเอียด) อาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่มีรสเผ็ดร้อน ช็อกโกแลต การสูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ ความเครียด ยาบางชนิด การใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง การยกของหนัก การนอนหลังจากรับประทานอาหารทันที เป็นต้น นอกจากนี้อาการบางอย่าง เช่น ภาวะที่กระเพาะอาหารส่วนบนบางส่วนผ่านช่องกะบังลมขึ้นไปอยู่ในทรวงอก (Hiatal hernia ) การตั้งครรภ์ และกล้ามเนื้อหูรูดที่ปลายหลอดอาหารอ่อนแอ ล้วนทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก ผู้ป่วยบางคนมีอาการเจ็บปวดมากจนเข้าใจผิดว่าเป็นโรคหัวใจ อาการอื่นๆ ที่มากับอาการแสบร้อนกลางอก ได้แก่ เรอ รู้สึกมีรสเปรี้ยวหรือขมในปาก มีเสียงฮึ้ดเวลาหายใจเข้าตอนนอนหลับเนื่องจากกล่องเสียงหรือหลอดลมตีบแคบ ฟันเปลี่ยนสี และไอเรื้อรัง

คำแนะนำผู้ป่วย

·      ปรับปรุงนิสัยในการรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เครื่องเทศ ช็อกโกแลต เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ และชา

·      รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์

·      งดสูบบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่จะเพิ่มกรดในกระเพาะอาหารการกลืนลมระหว่างช่วงที่สูบบุหรี่ยังทำให้อาการเรอและกรดไหลย้อนรุนแรงขึ้น

·      หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่คับแน่น ซึ่งจะไปรัดบริเวณช่องท้อง การคลายเข็มขัดให้ไม่ตึงช่วยป้องกันความดันมากเกินไป

·      หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ก่อความตึงเครียด ถ้าหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้ ให้เรียนรู้ที่จะผ่อนคลาย

·      อย่าล้มตัวลงนอน โก้งโค้ง นั่งยอง ๆ หรือยกของหนักทันทีหลังจากเพิ่งรับประทานอาหาร

·      ยกศีรษะขึ้นสูงเวลานอนหลับ

·      หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโปรตีนและไขมันมาก อย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนการออกกำลังกาย

·      ควรออกกำลังกายในช่วงที่ท้องว่าง การออกกำลังกายในช่วงที่อิ่มจะเพิ่มแรงดันในช่องท้อง ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอกได้

·      ดื่มน้ำเล็กน้อยก่อนและระหว่างออกกำลังกาย

การส่งต่อแพทย์

·      เมื่ออาการไม่ดีขึ้นแม้ใช้ยาลดกรดในการรักษาเบื้องต้นแล้วอย่างน้อย 1 สัปดาห์

·      อาการแสบร้อนกลางอกสัมพันธ์กับการใช้ยา

·      มีอาการกลืนลำบาก

·      มีอาการแหวะอาหาร (regurgitation)

·      อาการแสบร้อนกลางอกแย่ลงหรือเป็นเรื้อรัง

·      มีอาการแสบร้อนกลางอกร่วมกับอาการไอหรือหายใจมีเสียงหวีด

·      มีน้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ

·      อาเจียนเป็นเลือดสดหรือมีสีดำคล้ายกากกาแฟ

·      อุจจาระมีสีดำ คล้ายยางมะตอย

·      มีอาการแสบและเจ็บแน่นหน้าอก

ทางเลือกในการรักษา

ยาลดกรด ยาลดกรดไหลย้อน และยารักษาแผลในกระเพาะอาหาร (Antacids, Antireflux Agents & Antiulcerants)

เนื่องจากอาการแสบร้อนกลางอกเกิดจากการที่กระเพาะอาหารหลั่งกรดมากเกินไป ยาที่ทำให้กรดเป็นกลาง (acid neutralizers) จึงใช้ควบคุมอาการได้ดี

ยาลดกรด (antacids) เป็นสารประกอบที่เป็นเบสจึงทำให้กรดไฮโดรคลอริกที่กระเพาะอาหารหลั่งเป็นกลางสารประกอบที่เป็นเบสซึ่งถูกใช้เป็นยาลดกรด ได้แก่ เกลือของอะลูมิเนียม เกลือของแมกนีเซียม แคลเซียมคาร์บอเนตและโซเดียมไบคาร์บอเนตยาลดกรดที่ประกอบด้วยของอะลูมิเนียมอาจทำให้ท้องผูกในขณะที่ยาลดกรดที่ประกอบด้วยของแมกนีเซียมทำให้ท้องร่วง การใช้ไอออนทั้งสองอย่างนี้ร่วมกันจึงช่วยลดอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้สารประกอบเชิงซ้อน (complexes) ที่มีทั้งอะลูมิเนียมและแมกนีเซียมในโครงสร้าง เช่น polymigel ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

ยาลดกรดที่มีปริมาณโซเดียมสูง เช่น โซเดียมไบคาร์บอเนต ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยที่มีความดันเลือดสูง โรคหัวใจ โรคไต หรือผู้หญิงตั้งครรภ์

ยาลดกรดมักจะมีการผสมยาลดแก๊สในกระเพาะอาหาร (antifoaming agents) เช่น simethicone และ dimethicone เพื่อป้องกันอาการท้องอึดท้องเฟ้อที่เนื่องจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากปฏิกิริยาเคมีระหว่างกรดในกระเพาะอาหารกับยาลดกรด นอกจากนี้ sodium alginate ก็มักจะเป็นสารอีกตัวหนึ่งที่ผสมร่วมกับยาลดกรด alginate จะทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันกรดในกระเพาะอาหารที่ไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหาร Oxetacaine หรือ sulcain เป็นยาชาเฉพาะที่ที่มักผสมอยู่กับยาลดกรดเพื่อบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอก

ยารักษาแผลในกระเพาะอาหาร (Anti-ulcer agents)

ซึ่งใช้ในการรักษาและป้องกันความเจ็บปวดเนื่องจากอาการแสบร้อนกลางอก สามารถจำแนกออกเป็น 2 ประเภท คือ ยายับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร เช่น H2-blockers และ proton-pump inhibitors และยาที่มีฤทธิ์ป้องกันเยื่อเมือกในกระเพาะอาหาร เช่น rebamipide, sucralfate, teprenone และยาลดกรดที่ประกอบด้วยอะลูมิเนียมและบิสมัท

·      H2-blockers ได้แก่ cimetidine, famotidine, nizatidine และ ranitidine จะออกฤทธิ์บรรเทาและป้องกันอาการแสบร้อนกลางอกในระยะสั้น โดยยับยั้งตัวรับฮีสทามีนที่กระเพาะอาหาร ทำให้การผลิตน้ำกรดถูกยับยั้งตามไปด้วย ยาเหล่านี้ค่อนข้างปลอดภัย ในกรณีที่ใช้ยาแล้วไม่ได้ผล ให้พบแพทย์

·      Proton pump inhibitors ได้แก่ omeprazole, dexlansoprazole, esomeprazole, lansoprazole, sodium rabeprazole และ pantoprazole ออกฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งกรดจากกระเพาะอาหารโดยการยับยั้งเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ขนส่งโปรตอนเข้าไปในระบบทางเดินอาหาร จึงทำให้การหลั่งกรดโดยกระเพาะอาหารถูกยับยั้งในที่สุด

·      Misoprostol เป็น synthetic analogue ของ prostaglandin E1 ซึ่งใช้ในการรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก มีกลไกการออกฤทธิ์คือยับยั้งการหลั่งกรดโดยกระเพาะอาหารตลอดจนเพิ่มการหลั่งไบคาร์บอเนตและการสร้างเยื่อเมือกหุ้มกระเพาะอาหาร ยานี้สามารถทำให้เกิดการบีบตัวของมดลูก ส่งผลให้ทารกในครรภ์แท้งได้ จึงห้ามใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์

·      Potassium-competitive acid inhibitors เช่น vonoprazan ยับยั้งการหลั่งกรดโดยการแบ่งจับกับ potassium ที่ใช้ในกระบวนการหลั่งกรดที่ parietal cell ในกระเพาะอาหาร

© 2024 Company, Inc