217 จำนวนผู้เข้าชม |
12/12/2023
5 วิธีการอาการปวดท้องประจำเดือน
เป็นปัญหาที่ผู้หญิงแทบจะทุกคนต้องเจอกับการวดท้องประจำเดือน หรืออาการปวดท้องเมนส์ เป็นอาการปวดที่อาจจะปวดจนนอนไม่หลับ หรือเป็นอุปสรรคเวลาทำงาน เรามี 5 วิธีแก้อาการปวดท้องประจำเดือนเบื้องต้น มาแนะนำเพื่อบรรเทาอาการ และมีวิธีสังเกตที่บ่งบอกว่าอาการของเรานั้นผิดไปจากปกติและต้องรีบไปพบแพทย์หรือไม่ อาการปวดประจำเดือนเกิดจากการบีบตัวของมดลูก ทำให้มีอาการปวดหน่วงหรือปวดเกร็งอาจจะมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่น ปวดหลังด้านล่าง คลื่นไส้อาเจียน เหงื่อออก ท้องเสีย ท้องผูก ท้องอืด เวียนศีรษะและปวดศีรษะ เป็นต้น
ประเภทของอาการปวดประจำเดือน
อาการปวดท้องประจำเดือนแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท
1.ปวดท้องประจำเดือนประเภทปฐมภูมิ เกิดจากการได้รับสารโพรสตาแกลนดิน(Prostaglandin) ซึ่งสร้างขึ้นในชั้นเยื่อโพรงมดลูกในระหว่างเป็นประจำเดือน ส่งผลให้มดลูกบีบตัว และกล้ามเนื้อมดลูกหดเกร็ง
2.ปวดท้องประจำเดือนประเภททุติยภูมิ เกิดจากภาวะผิดปกติของมดลูก หรืออวัยวะสืบพันธุ์อื่นๆ ซึ่งความผิดปกติเหล่านี้เป็นต้นเหตุอย่างหนึ่งที่นำมาสู่การปวดท้องประจำเดือนในระดับรุนแรง หรือเรื้อรังได้
5 วิธีแก้และลดอาการปวดท้องประจำเดือน
1.ประคบอุ่นบริเวณท้องน้อย วิธีนี้เป็นวิธีแก้อาการปวดท้องประจำเดือนที่ง่ายที่สุด โดยการใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบบริเวณท้องน้อย หรือบริเวณที่ปวดท้องเมนส์ จะช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น
2.ดื่มชา ชาหลายชนิดที่มีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดได้ แต่ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป เพราะหากดื่มน้ำหรือชามากเกินไปอาจทำให้ปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น และทำให้ปวดท้องเพิ่มขึ้นได้
3.งดอาหารมัน รับประทานผักการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงจะทำให้ย่อยยากและเกิดอาการไม่สบายตัวมากขึ้นแนะนำให้เลือกใช้น้ำมันมะกอกแทนน้ำมันชนิดอื่นและเปลี่ยนมารับประทานผัก ผลไม้ เพื่อช่วยลดของเสียในร่างกาย
4.ออกกำลังกาย ออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละประมาณ 40-60 นาที อย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขทำให้ลดอาการปวดท้องประจำเดือนลงได้
5.การทำสมาธิ หรือโยคะ การทำสมาธิจะช่วยลดความเครียด การเล่นโยคะเป็นการสร้างกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแรงและเสริมความยืดหยุ่นให้ร่างกายจึงช่วยแก้อาการปวดท้องประจำเดือนได้ดีขึ้น
ปวดท้องประจำเดือนแบบไหนที่ควรรีบพบแพทย์
· ปวดท้องมากขึ้นเรื่อยในทุกๆเดือน
· รับประทานยาแก้ปวดแต่ยังคงมีอาการปวดมากขึ้น
· ปวดจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้
· ปวดท้องน้อยทั้งๆที่ไม่ใช่ช่วงที่มีประจำเดือน
· ประจำเดือนมีปริมาณมากกว่าปกติ
· มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ถ่ายเหลว บางครั้งอาจปวดท้องมากจนเหงื่อไหล บางคนอาจมีไข้ระหว่างปวดประจำเดือนร่วมด้วย
© 2024 Company, Inc