ยาสามัญประจำบ้าน - สิ่งที่ทุกบ้านควรมี
ยาสามัญประจำบ้าน สิ่งที่ทุกบ้านควรมี
ยาสามัญประจำบ้านคืออะไร?
ยาสามัญประจำบ้าน คือยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่กระทรวงสาธารณสุขอนุมัติให้ประชาชนสามารถซื้อมาใช้ด้วยตนเองโดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบสั่งยา เพื่อใช้ดูแลรักษาสุขภาพภายในบ้านโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหมอทันที ยาเหล่านี้มักใช้รักษาอาการเจ็บป่วยทั่วไป เช่น
ไข้หวัด, ปวดศรีษะ, หรืออาการบาดเจ็บเล็กน้อย
- บรรเทาอาการเจ็บป่วยทั่วไป
การมียาที่ใช้บรรเทาอาการเจ็บป่วยทั่วไป เช่น ยาแก้ปวด,
ยาแก้ไอ
หรือยาลดไข้ จะช่วยให้การรักษาเบื้องต้นเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว หากเป็นอาการป่วยเบื้องต้นที่ไม่รุนแรงและสามารถจัดการได้เอง
- ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
การมียาสามัญประจำบ้านทำให้เราไม่ต้องไปพบแพทย์บ่อยๆ ช่วยประหยัดเวลาและลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและช่วยให้เราสามารถรักษาอาการเล็กน้อยได้ด้วยตัวเอง
- ช่วยให้มั่นใจในการดูแลสุขภาพ
การมีชุดยาสามัญประจำบ้านสามารถช่วยให้มั่นใจว่าในกรณีที่เกิดอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินนั้นสามารถทำการรักษาเบื้องต้นได้ทันที โดยไม่ต้องกังวลใจหรือรอการช่วยเหลือจากแพทย์
ยาสามัญประจำบ้านที่ควรมีในทุกบ้าน
ยาสามัญประจำบ้านไม่จำเป็นต้องมีทั้งหมดทุกประเภท แต่การมียาที่จำเป็นและใช้บ่อยๆ ตามประวัติของคนในบ้านจะช่วยให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้
- ยาแก้ปวดและลดไข้
พาราเซตามอล (Paracetamol) เป็นยาที่ควรมีไว้ทุกบ้าน เพราะมีความอเนกประสงค์ในการบรรเทาอาการปวดและลดไข้เบื้องต้นได้โดยมีผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย ส่วนสำหรับอาการปวดและไข้ที่หนักกว่า แต่ยังไม่ถึงขั้นจำเป็นต้องพบแพทย์
ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) และแอสไพริน (Aspirin) จะออกฤทธิ์แรงกว่า และยังบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อจากการอักเสบได้ดีอีกด้วย แต่ยาทั้งสองนี้ควรใช้อย่างระวัง ไม่ควรใช้เกินความจำเป็น เนื่องจากมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงกว่า
- ยาลดน้ำมูกและยาแก้แพ้
หากสมาชิกในบ้านมีอาการแพ้บ่อยๆ ควรมียาเช่น ยาลดน้ำมูกหรือยาแก้แพ้ โดยส่วนใหญ่ทั้งสองจะสื่อถึงยาประเภทแอนตี้ฮิสตามีน (Antihistamine) ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการแพ้ที่ทำให้เกิดน้ำมูกไหลรวมถึงอาการแพ้อื่นๆ เช่นน้ำตาไหลหรือผื่นคันอีกด้วย ควรระวังอาการง่วงหลังจากใช้
- ยาแก้ท้องเสีย
ทั่วไปแล้วอาการท้องเสียนั้นจะรักษาด้วยการรอถ่ายเรื่อยๆเมื่อปวด จนผ่านหายไปเอง แต่ระหว่างนั้นควรดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS) เพื่อชดเชยน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไป ป้องกันอาการช็อก แต่หากจำเป็นในการลดอาการท้องเสียระยะสั้นควรใช้ ลอโรไพรามิดีน (Loperamide)
- ปฐมพยาบาลบาดแผลและการอักเสบ
ชุดปฐมพยาบาล ถึงอาจจะไม่ได้ถูกนับว่าเป็นยาสามัญประจำบ้านประเภทที่ใช้บริโภคเข้าปากซะทีเดียว แต่ก็จำเป็นในการเก็บไว้ในบ้านโดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กซุกซน เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ ส่วนยาภายนอกที่ใช้ในการปฐมพยาบาลนั้นรวมไปด้วยพวกยาฆ่าเชื้อ เช่น
- โพวิโดน-ไอโอดีน (Povidone-Iodine) หรือที่นิยมเรียกว่าเบตาดีน ฆ่าเชื้อโรคที่ตรงแผล
- น้ำเกลือ (Normal Saline Solution : NSS) ใช้ล้างทำความสะอาดแผล แต่ฤทธิ์ไม่แรงสำหรับการฆ่าเชื้อโรค
นอกจากนี้ควรมีอุปกรณ์ทำแผลเช่น ผ้าพันแผล เทปกาว กรรไกร ฯลฯ
- ยาสำหรับโรคกรดไหลย้อน
ยาลดกรด (Antacids) เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกรดไหลย้อนหรืออาการจุกเสียดท้องบ่อยครั้ง โดยมีทั้งในรูปแบบเม็ดและน้ำ
- ยากันยุง
ข้อนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่ ในหลายพื้นที่ของประเทศไทยมียุงชุกชุมเพราะสภาพแวดล้อมอำนวย ดังนั้นการมียากันยุงแบบขดหรือสเปรย์กันยุง สามารถช่วยป้องกันการถูกยุงหรือแมลงอื่นๆ กัดและลดโอกาสเกิดโรคที่ตามมา เช่น
โรคไข้เลือดออก หรือ
โรคมาลาเรีย
เคล็ดลับในการเก็บรักษาและการใช้ยาสามัญประจำบ้าน
- เก็บยาในที่แห้งและเย็น ห่างจากมือเด็ก
ควรเก็บยาทุกชนิดในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงการเก็บยาไว้ในที่ที่มีความร้อนหรือชื้น เช่น ใกล้หน้าต่างที่แดดส่องหรือห้องน้ำ เพราะอาจจะทำให้ยาสูญเสียประสิทธิภาพ และควรเก็บยาไว้ในที่ที่สูงและปลอดภัยจากเด็กเพื่อป้องกันการใช้ยาโดยไม่ได้รับคำแนะนำ
- อ่านฉลากและเช็ควันหมดอายุ
ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงเมื่อใช้กับยาอื่น (โดยเฉพาะยาที่มีใบสั่งแพทย์) ควรอ่านฉลากก่อนใช้งาน และการเช็ควันหมดอายุก็เป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่ายายังคงปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
- พิจารณาก่อนใช้
ถึงยาสามัญประจำบ้านจะสามารถซื้อและนำไปใช้ได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยาเพราะว่าตัวยาค่อนข้างปลอดภัย แต่หากใช้เยอะเกินไป โดยเฉพาะใช้แล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์ก่อนที่อาการจะแย่ลงหรือเกิดผลข้างเคียง
สรุป
ยาสามัญประจำบ้าน เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถดูแลสุขภาพเบื้องต้นและจัดการกับอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยได้ทันที โดยไม่ต้องออกจากบ้าน การมีชุดยาสามัญที่ครบถ้วนและเก็บรักษาไว้อย่างดีสามารถช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการรักษาและช่วยเพิ่มความสะดวกในการดูแลสุขภาพของครอบครัว
อย่างไรก็ตาม ควรใช้ยาสามัญประจำบ้านอย่างระมัดระวังและไม่ควรใช้ยาเกินขนาด หรือในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง