ฉีดวัคซีนฟรี
MED4U

ทำอย่างไรดี เมื่อมี “อาการวัยทอง”

409 จำนวนผู้เข้าชม |

19/12/2023


วัยทอง คือ ถ้อยคำและช่วงวัยที่ใครหลายคนคงไม่อยากเป็น แต่ยังไงทุกคนก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยงวัยทองได้ ดังนั้น ทุกคนจึงควรทำความรู้จักกับอาการวัยทองและเตรียมตัวรับมือกับช่วงชีวิตวัยทองของตนเองให้มีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจมากที่สุด

วัยทองคืออะไร?

วัยทอง คือ ช่วงวัยที่ร่างกายมีฮอร์โมนเพศลดลง โดยเฉพาะในเพศหญิงที่จะลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้มีอาการแสดงออกของวัยทองที่ค่อนข้างชัดเจนและรุนแรง แต่อาการของวัยทองสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับเพศหญิงและเพศชาย ซึ่งสำหรับเพศหญิงจะเป็นช่วงเวลาหลังจากหมดประจำเดือนแล้วประมาณ 1 ปี อายุเฉลี่ยประมาณ 45-50 ปีเป็นต้นไป ส่วนในเพศชาย วัยทองจะเริ่มในช่วงอายุประมาณ 50-55 ปี สาเหตุที่เพศชายเริ่มช้ากว่า เพราะการลดลงของฮอร์โมนเพศชายจะเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจนและรุนแรง

อาการแบบไหน บอกว่าเราเข้าสู่ช่วงวัยทอง

·      รู้สึกร้อนวูบวาบ อยู่ดี ๆ ก็จะร้อนผ่าวขึ้นมาทั้งตัว ทางการแพทย์เรียกอาการนี้ว่า “Vasomotor Symptom” มักเกิดบริเวณกลางหน้าอก กลางหลัง และร้อนขึ้นมายังใบหน้า อาจมีอาการเหงื่อออกร่วมด้วย โดยจะมีอาการเพียงสักพักแล้วก็หายไป สามารถเป็นได้ทั้งในตอนกลางวันและกลางคืน

·      ตื่นกลางดึกบ่อย ๆ เมื่อตื่นแล้วรู้สึกร้อน ทั้ง ๆ ที่อากาศไม่ร้อน อยู่ ๆ เหงื่อก็ออก ทำให้เกิดปัญหาการนอนไม่หลับ หลับไม่สนิทตลอดคืน

·      มีอารมณ์แปรปรวนง่ายกว่าปกติ โดยอาจเป็นได้ทั้ง 2 รูปแบบ ได้แก่ หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย และซึมเศร้า เหงา เบื่อ รู้สึกชีวิตไม่มีความหมาย หรือไม่อยากออกไปพบปะพูดคุยกับใคร

·      อาการอื่น ๆ จากผลของการที่ฮอร์โมนเพศลดลง เช่น กระดูกบางลง ผิวแห้งง่าย ผมร่วง ช่องคลอดแห้ง ทำให้เวลามีเพศสัมพันธ์แล้วจะรู้สึกเจ็บ หรือบางรายจะมีภาวะช่องคลอดแห้ง จนมีอาการแสบ คัน ตามมา

รักษาอย่างไร เมื่อมีอาการวัยทองรุนแรง?

เนื่องจากวัยทองไม่ใช่โรค แต่เป็นช่วงวัยที่ทุกคนต้องเจอ ดังนั้นการรักษาอาการวัยทองจึงเป็นการ “รักษาตามอาการ” โดยจะสามารถแบ่งประเภทของการรักษาออกได้เป็น 2 รูปแบบ คือ “แบบใช้ฮอร์โมนรักษา” และ “แบบไม่ใช้ฮอร์โมนในการรักษา” โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.การรักษาอาการวัยทองโดยไม่ใช้ฮอร์โมน

ในขั้นแรกแพทย์จะใช้การพูดคุยแนวจิตบำบัด ในรายที่มีอาการนอนไม่หลับ เพื่อให้ผู้ป่วยได้ระบายความกังวลใจหรือความเครียดจากภาวะอารมณ์แปรปรวน ซึ่งหากยังไม่ได้ผล ก็จะพิจารณาขั้นตอนของใช้วิตามินและกรดอะมิโนเข้าช่วย เพื่อเสริมให้ร่างกายสามารถนอนหลับได้ดีขึ้น ใจเย็นลง และไม่หงุดหงิดง่าย ในลำดับต่อมาสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการร้อนวูบวาบ แพทย์จะเลือกพิจารณาใช้สมุนไพรที่มีสรรพคุณและมีเลขทะเบียน อย. กำกับช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบ และถึงแม้ว่าจะเป็นสมุนไพรก็ต้องเป็นการใช้ตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น เพราะสมุนไพรก็มีผลกระทบต่อตับและระบบร่างกายในส่วนอื่นๆ นอกจากนี้แพทย์จะทำการแนะนำให้คนไข้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมควบคู่ไปด้วย เช่น การทำ Sleep Hygiene จัดสภาพแวดล้อมในการนอนให้มีประสิทธิภาพ เตรียมตัวก่อนเข้านอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ด้วยการงดเล่นโทรศัพท์มือถือ งดทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่การนอนบนเตียงนอน เป็นต้น

2.การรักษาอาการวัยทองแบบใช้ฮอร์โมน

โดยทั่วไปแล้วแพทย์มักไม่เลือกใช้วิธีการรักษาด้วยการใช้ฮอร์โมนเป็นลำดับแรก เนื่องจากการใช้ฮอร์โมนมากเกินไปจะเสี่ยงกระตุ้นให้เกิดเนื้องอกได้หลายชนิดในเพศหญิง รวมทั้งเพิ่มโอกาสเสี่ยงทำให้เกิดเส้นเลือดอุดตันได้ง่าย แต่หากพบว่าคนไข้มีอาการวัยทองรุนแรง และรักษาด้วยวิธีการไม่ใช้ฮอร์โมนประมาณ 2-3 เดือน แต่ก็ยังไม่ได้ผล แพทย์จึงจะเลือกการใช้ฮอร์โมน แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนการใช้ฮอร์โมนก็ต้องทำการตรวจคัดกรองต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วน เช่น การตรวจมะเร็งเต้านม ตรวจเนื้องอก อัลตร้าซาวด์ตรวจช่องท้องและรังไข่ เพื่อประเมินโอกาสความเสี่ยงจากการใช้ฮอร์โมน

การเตรียมตัวรับมือก่อนที่วัยทองจะมาเยือน

เนื่องจากช่วงวัยทอง เป็นช่วงวัยที่ฮอร์โมนเพศจะลดลงอย่างมาก ทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเหมือนเดิม ดังนั้น ก่อนที่เราจะเข้าสู่ช่วงวัยทองของชีวิต แนะนำให้หาโอกาสเข้ามาพบแพทย์เพื่อพูดคุย ปรึกษา และทำความเข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเพศหญิง ก่อนที่ประจำเดือนจะหมดถาวร หรือในช่วงที่ประจำเดือนมาแบบ 2-3 เดือนครั้ง ช่วงอายุประมาณอายุ 40 ปีปลาย ๆ เมื่อถึงเวลาวัยทอง ร่างกายที่ได้รับการเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี จะมีความรุนแรงของอาการวัยทองลดลง ทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีความสุขได้มากขึ้น

แม้ทุกคนจะหลีกเลี่ยงวัยทองไม่ได้ แต่วัยทองอยู่กับร่างกายของเราเพียงแค่ประมาณ 3-5 ปีเท่านั้น หากสามารถดูแลตัวเองได้ดีอย่างถูกต้อง อาการวัยทองต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ หายไป การเตรียมพร้อมตนเองได้อย่างดีนับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ไม่ต้องทุกข์ทรมานจากอาการวัยทองรุนแรง รวมถึงลดความเสี่ยงโรคแทรกซ้อนได้อีกด้วย

 

© 2024 Company, Inc