ฉีดวัคซีนฟรี
MED4U

โรคน่ารู้


สุขภาพลำไส้ รากฐานของชีวิตที่แข็งแรง

หลายคนมักมองข้ามสุขภาพลำไส้ ทั้งที่จริงแล้วมันมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของเราอย่างมากกว่าที่คิด ลำไส้ไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่ย่อยอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นระบบนิเวศที่ซับซ้อน เต็มไปด้วยจุลินทรีย์ เอนไซม์ และเซลล์ภูมิคุ้มกันนับล้านล้านที่มีผลต่อทั้งสุขภาพกายและจิตใจของเราด้วย


โรคแผลในกระเพาะอาหาร

โรคแผลในกระเพาะอาหาร (Gastric Ulcer) เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบได้ในปัจจุบัน โดยจะเห็นได้บ่อยในกลุ่มคนที่ละเลยสุขภาพเพราะใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ โรคแผลในกระเพาะอาหารสามารถทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายตัวจากการปวดท้อง ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้


โนโรไวรัส

โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นไวรัสที่เป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร มักทำให้เกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรง อาเจียน ปวดท้อง และมีไข้ ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้ง่ายจากการสัมผัสหรือการบริโภคอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสนี้


แผลในทางเดินอาหาร

แผลในทางเดินอาหารเกิดขึ้นจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหารระคายเคืองและทำลายเนื้อเยื่อในทางเดินอาหาร ในกรณีที่มีการระคายเคืองไม่มากอาจทำให้เกิดภาวะกระเพาะอาหารอักเสบปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้อาการแผลในทางเดินอาหารกำเริบและแสดงอาการได้แก่ ความเครียด อาหารรสเผ็ด หรือเปรี้ยวจัด การป้องกันปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร


อาหารไม่ย่อย

ผู้ป่วยจะมีอาการจุกเสียด แน่นท้อง ซึ่งอาจเกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น การรับประทานอาหารมากเกินไป หรือเร็วเกินไป การรับประทานอาหารที่มัน เลี่ยน อาหารรสเผ็ดจัด รวมทั้งมีภาวะเครียด การป้องกันปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการ


อาการแสบร้อนกลางอก

อาการที่ผู้ป่วยรู้สึกแสบร้อนหรือจุกเสียดแน่นบริเวณช่องท้องส่วนบน (ลิ้นปี) ซึ่งลามขึ้นไปถึงกึ่งกลางหน้าอกด้านหลังกระดูกอกและบางครั้งก็ขึ้นไปถึงลำคอ คำแนะนำผู้ป่วยปรับปรุงนิสัยในการรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เครื่องเทศ ช็อกโกแลต เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ และชา รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์


โรคอุจจาระร่วง

เป็นภาวะที่มีการถ่ายอุจจาระเหลวและบ่อยผิดปกติตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไปต่อวัน ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย อาจเกิดจากการเปลี่ยนชนิดอาหารที่รับประทาน การป้องกันหมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำสะอาด จะช่วยกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดอาการท้องเสียที่ติดมากับมือและระมัดระวังในการบริโภคเครื่องดื่มหรืออาหาร โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อโรค


ท้องผูก

การขับถ่ายของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกันและมีลักษณะเป็นปกติของตนเอง ซึ่งอาจมีความถี่ได้ตั้งแต่ 2-3 ครั้งต่อวัน ไปจนถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ดังนั้นหากความถี่ของการขับถ่ายลดลงหรือห่างมากกว่าเดิมจะเรียกภาวะนี้ว่า ท้องผูกทำให้อุจจาระมีการสะสมในลำไส้มากขึ้น ในกรณีที่มีอาการรุนแรงอาจทำให้ลำไส้อุดตันได้ คำแนะนำผู้ป่วย หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทำให้ท้องผูก พยายามกำหนดเวลาในการขับถ่าย

© 2024 Company, Inc